อ่าวมาหยา แลนด์มาร์คอันโด่งดังของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ในที่สุดก็ถึงเวลาปิดอ่าวมาหยา เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติ เป็นเวลา 4 เดือน ระหว่างวันที่ 1 มิ.ย. ถึงวันที่ 30 ก.ย.
และจะเปิดอ่าวมาหยาอีกครั้ง เดือนกันยายน โดยมีกฎห้ามไม่ให้เรือโดยสารแล่นผ่านเข้ามาในแนวปะการัง และรองรับนักท่องเที่ยวแค่เพียง 2,000 คนต่อวันเท่านั้น และไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าอ่าวมาหยา ทางอ่าวโล๊ะชามะ เนื่องจากมีเพียงตาข่ายเชือกให้นักท่องเที่ยวปีนไต่ขึ้นลงเท่านั้น เพื่อให้ง่ายต่อระบบการจัดการนักท่องเที่ยวและดูและตรวจตานักท่องเที่ยวไม่ให้ทำผิดกฏได้อย่างทั่วถึง
หลังจากสำรวจพบว่า ที่ผ่านมาอ่าวมาหยาได้รับความเสียหายเสื่อมโทรมมาก เข้าขั้นวิกฤตจากการที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เข้ามาเืที่ยวอ่าวมาหยาเฉลี่ยวันละ 4000 – 5000 คน และนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะใช้บริการ เช่าเหมาลำเรือหางยาวนำเที่ยว เดินทางไปอ่าวมาหยา ราคาเที่ยวละ 2,500 บาท จึงทำให้ผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวบางส่วนไม่พอใจ ในการปิดอ่าวมาหยาครั้งนี้
จากข้อมูลศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินผลกระทบ จากการที่กรมอุทยานแห่งชาติ ประกาศปิดอ่าวมาหยา เวลา 4 เดือน พร้อมทั้งจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวไม่เกิน 2,000 คนต่อวัน สูญรายได้ร้อยละ 6 แต่ได้ฟื้นฟู จัดการแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
สมาคมวิทยาศาสตร์ทางทะเลร่วมกับ 4 มหาวิทยาลัย ทำวิจัยเพื่อวิเคราะห์ขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยว ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเลอีก 6 แห่ง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง, อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา, อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา, อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง (เฉพาะจุดดำน้ำ) จ.ตราด, อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงาในบางจุด เช่น เกาะตะปู เขาพิงกัน จ.พังงา และ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จ.กระบี่ เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการออกมาตรการควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยวในอนาคต